เช็คสภาพคอกีต้าร์ก่อน ข้อนี้จริงจังมากนะจะบอกให้!
คอกีต้าร์เป็นส่วนที่อยู่ภายใต้แรงกดดันสูงมากอันเกิดจากสายกีต้าร์ ถ้าเซ็ตอัพไม่ถูกวิธีมันอาจงอเกินความจำเป็นได้ ถ้าเกิดงอแบบแข็งแรงถือเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้สายกีต้าร์ไม่ติดกับแผ่น fretboard ให้คุณลองใช้นิ้วกดสายตรงเฟร็ตแรกแล้วมองดู fretboard ว่าช่องว่างระหว่าง fretboard กับสายกีต้าร์เพิ่มขึ้นสักนิดหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ว่าคุณจะกดตรงเฟร็ตไหน ก็จะไม่มีสายกีต้าร์สั่นโดนเฟร็ต ช่องว่างตรงนั้นคุณสามารถปรับด้วยเหล็กขันคอกีต้าร์ (Truss Rod) ที่ติดมากับกีต้าร์อยู่แล้วได้ก็จริง แต่ปกติแล้วมันควรจะห่างเท่ากับกระดาษแผ่นเดียว ถ้ามันห่างมากกว่านั้นเป็นไปได้ว่าอาจเป็นอาการของคอกีต้าร์งอ
ให้คุณมองดูตั้งแต่ส่วนหัวของกีต้าร์ลงมาจนถึงคอและ fretboard ด้วย ถ้าเห็นสัญญาณว่ามันบิดหรือเบี้ยวใด ๆ ก็ผ่านไปป้ายหน้าเลยจะดีกว่า ไม่ว่าคุณจะชอบกีต้าร์ตัวนั้นมากแค่ไหนก็ตาม
อย่าลืมตรวจเช็คหลังคอกีต้าร์ด้วย ถ้าเห็นร่องรอยหรือรอยย่นใดๆ แม้จะแค่รอยแตกเล็กๆ ก็เป็นสัญญาณเตือนแล้วว่าคอกีต้าร์ตัวนั้นกำลังจะหัก
มันอาจจะดูเหมือนชิ้นส่วนโลหะแข็ง ๆ ที่ไม่น่าพังได้ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ลูกบิดปรับระดับเสียงนั้นมีความซับซ้อนและเป็นอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ทำงานคล้ายกับกลไกนาฬิกา เจ้าสิ่งนี้จะช่วยให้คุณแน่ใจว่าคุณจะได้เสียงตามที่ต้องการ และระดับเสียงจะไม่แกว่ง ลูกบิดกีต้าร์ที่คุณภาพต่ำหรือทำงานผิดปกติ อาจทำให้เครื่องดนตรีของคุณให้เสียงแตกได้
และนี่คือ 2 สิ่งที่คุณควรตรวจสอบ :
มันยึดให้สายกีต้าร์แน่นได้หรือเปล่า?
ถ้าถอดสายกีต้าร์ออก มันจะหลุดหรือเปล่า?
คำตอบที่ดีควรจะเป็น ‘ใช่’ และ ‘ไม่’ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ลูกบิดปรับสายกีต้าร์คือหนึ่งในสิ่งที่ราคาถูกสุดแล้วหากจะต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงให้กีต้าร์วินเทจตัวใหม่ของคุณดีขึ้น ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันมากเท่าปัจจัยอื่นๆ
นอกจากสายกีต้าร์แล้ว เฟร็ตก็คือสิ่งที่คุณต้องสัมผัสมากเป็นอันดับสองในบรรดาชิ้นส่วนกีต้าร์ทั้งหมดของคุณ คุณจะได้ใช้เวลาเป็นร้อยเป็นพันชั่วโมงลากนิ้วไปตามเฟร็ตแต่ละช่อง ดังนั้นมันจึงควรจะต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
ลองดูว่ามีรอยถลอกรอยบุบ หรือว่าเฟร็ตชำรุดเกินไปหรือเปล่า ให้เช็คทางด้านข้างของ fretboard ด้วย โดยการเอานิ้วไล้ไปตามคอกีต้าร์ เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีตรงไหนคม ๆ หรือสาก ๆ ระคายมือ
กระบวนการเปลี่ยนเฟร็ตนั้นทั้งแพงทั้งยุ่งยาก ถ้าเครื่องดนตรีที่คุณกำลังดูอยู่มีปัญหากับสิ่งนี้ คุณควรจะเปลี่ยนไปดูตัวอื่นแทนเลยดีกว่า ไม่ว่าส่วนอื่น ๆ ของกีต้าร์ตัวนั้นจะสวยเช้งแค่ไหนก็ตาม
หากคุณเป็นมือใหม่ ก็อาจจะแยกความแตกต่างของไม้กีต้าร์แต่ละชนิดยากหน่อย คุณจะลองถามคนขายก็ได้ว่ากีต้าร์ตัวนั้นทำมาจากอะไร ถ้าคำตอบออกมาเป็นไม้สปรูซหรือไม้ซีดาร์สำหรับกีต้าร์โปร่ง หรือไม้แอลเดอร์ ไม้แอช ไม้มะฮอกกานีสำหรับกีต้าร์ไฟฟ้า ก็วางใจได้เลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว
หรือถ้าคุณไม่ไว้ใจคนขาย หรือไม่คนขายเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ในกรณีนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรจะมองหาในกีต้าร์โปร่ง ก็คือตัวกีต้าร์นั้นทำจากไม้แท้ ๆ หรือเปล่า? เพราะกีต้าร์โปร่งบางตัวอาจทำมาจากพลาสติกหรือไม่ก็ไม้ลามิเนต คุณสามารถตรวจสอบได้ด้วยการลองกดเบา ๆ ตรงตัวกีต้าร์แล้วรีบปล่อยมือ คุณสัมผัสได้ถึงความเป็นชั้น ๆ ของไม้ลามิเนตหรือเปล่า?
อีกวิธีหนึ่งคือให้ลองมองดูในโพรงเสียง คุณจะเห็นชั้นของไม้ลามิเนตได้ด้วยการมองผ่าน ๆ จากภายนอก โดยที่ไม่จำเป็นต้องสัมผัสตัวกีต้าร์ตรงๆ เนื่องจากผู้ขายบางคนอาจไม่ชอบให้คุณลองกดตัวกีต้าร์ของพวกเขา
ถ้ากีต้าร์มีสายแจ็ค เช็คด่วน!
ด้วยระยะเวลาและความบ่อยครั้งที่ใช้งาน สายที่เชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าก็มีการเสื่อมสภาพบ้าง ส่วนหัวแจ็คก็อาจขึ้นสนิมได้ และหากเป็นแบบนั้นเมื่อเสียบแจ็คเข้ากับแอมป์ก็อาจจะก่อให้เกิดเสียงประหลาด ๆ หรือบางทีกีต้าร์ตัวนั้นก็อาจมีปิ๊กอัพที่เชื่อมมาไม่ดีหรือผิดปกติได้ ดังนั้นให้คุณตรวจสอบด้วยการเสียบปลั๊กแล้วลองแกว่งสายสักเล็กน้อย เสียงที่มาจากเครื่องดนตรีควรจะเกิดจากการที่คุณทำขึ้นเอง ไม่ใช่เพราะกระแสไฟฟ้าขัดข้อง
ปัญหาเดียวกันอาจเกิดขึ้นได้กับทั้งฝาครอบวอลลุ่มและสวิตช์ ให้ลองจับมันหมุนดูแล้วคอยฟังเสียง ทดสอบทุกอย่างไปเลย!
การทดสอบพอทวอลลุ่ม/โทนทุกปุ่ม รวมทั้งปิ๊กอัพซีเล็คเตอร์ทุกอันเป็นเรื่องสำคัญ กีต้าร์บางรุ่น เช่น Les Pauls มีสวิตช์ปิ๊กอัพแค่อันเดียวแต่มีปุ่มวอลลุ่มและโทนสี่ปุ่ม ในขณะที่ Fender Jaguar ตัวเก่งของ Kurt Cobain อาจมีสวิตช์ได้ถึงเจ็ดอัน มีเยอะแค่ไหนก็ทดสอบมันให้หมด
อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าควรจะมีช่องว่างระหว่างสายกีต้าร์กับเฟร็ต เพื่อป้องกันไม่ให้สายสั่นกระทบ ระยะห่างที่ว่านั้นเรียกว่า “แอคชั่น (action)” ของคอกีต้าร์ จะต้องห่างเท่าไหร่ถึงจะดีนั้นขึ้นอยู่กับความชอบ แต่ถ้ามากเกินไปอาจเป็นสัญญาณว่า fretboard งอ ซึ่งอาจเกิดจากการเก็บกีต้าร์ตัวนั้นโดยที่ตั้งสายไว้ตึงมาก ๆ เป็นระยะเวลานาน
ลองยืนห่างออกไปหน่อยแล้วมองทางด้านข้างของกีต้าร์ว่ามันงอหรือเปล่า อย่าลืมว่าด้านในของ fretboard นั้นมีแท่งเหล็กที่เรียกว่า truss rod อยู่ด้วย มันก็เหมือนกับแผ่นเหล็กค้ำบางๆ ที่สามารถช่วยแก้อาการงอได้บ้างด้วยการปรับความตึงของคอกีต้าร์ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีแท่งเหล็กหรืออุปกรณ์อะไรที่จะช่วยได้อยู่ดี ถ้าคุณดันไปซื้อกีต้าร์รูปทรงคอแบบ U ที่บิดเบี้ยวหรืองอมากเกินไป
คุณอาจเห็นกีต้าร์ใหม่แกะกล่องบางตัวที่จงใจทำลวดลายเก่า ๆ ด้วยมือเพื่อให้ได้ลุควินเทจ กีต้าร์เหล่านั้นเรียกว่ากีต้าร์แบบทำ relic ดังนั้นถ้ามีคนถึงขั้นยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้ลวดลายหยาบ ๆ หากกีต้าร์ที่คุณหมายตาจะมีรอยขีดข่วนนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ปล่อย ๆ มันไปเถอะ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณควรเช็คก็คือรอยกระแทกรอยบุบที่รุนแรงกว่า ร่องรอยเหล่านั้นอาจบอกได้ว่ากีต้าร์ตัวนั้นถูกทำร้ายมานานแค่ไหน และเป็นไปได้ว่าอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน
จะเล่นกีต้าร์ทั้งทีก็ต้องฟังเสียงมันใช่มั้ยล่ะ!
ไม่มีกีต้าร์ตัวไหนเหมือนกันเป๊ะ แม้ว่ามันจะเป็นกีต้าร์ที่ผลิตในปีเดียวกัน โรงงานเดียวกัน แถมยังรุ่นเดียวกันอีกต่างหาก ลองเล่นดูเลยแล้วถามตัวเองว่าสัมผัสของมัน ‘โดนใจ’ คุณหรือยัง การได้ลองกีต้าร์หลาย ๆ ตัวจะช่วยบอกคุณเองว่าคุณชอบความรู้สึกสัมผัสแบบไหน
สุดท้ายแล้วกีต้าร์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ก็คือกีต้าร์ที่คุณไม่อยากจะปล่อยมือไปจากมันเลยยังไงล่ะ
Cr.Zenmarket